พระไตรปิฎกคืออะไร... ทำไมจึงสำคัญมาก
พระพุทธเจ้าเองได้ตรัสไว้ว่าเมื่อพระองค์ได้ปรินิพพานไปแล้ว
ธรรมวินัยทรงแสดงแล้วและบัญญัติแล้วแก่สาวกทั้งหลายนั้น
จะเป็นศาสดาแทนพระองค์สืบต่อไปเวลานี้ธรรมะวินัยที่ทรงตั้งไว้
เป็นศาสดาแทนพระองค์อยู่ที่ไหน?ก็อยู่ในพระไตรปิฎกเพราะฉะนั้น
จึงถือว่าพระไตรปิฎก เป็นที่สถิตย์ของพระพุทธเจ้า
ธรรมวินัยก็คือ หลักการ และหลักเกณฑ์ ของพระพุทธศาสนา
จากพุทธพจน์และพุทธบัญญัติ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่ชัดเจน
พระไตรปิฎก เป็นแหล่งรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ว่าธรรมวินัยนี้
ตั้งแต่เรื่องพระนิพพานเป็นจุดหมายสูงสุดลงมาทั้งคำสั่งสอนทางปัญญาอย่าง
ไตรลักษณ์ ปฏิจจสมุปบาท ทั้งข้อปฏิบัติ คือ ตลอดจนวินัย เช่นที่เรียกว่า
ศีล ๒๒๗ ข้อ
ของพระภิกษุสงฆ์ ศีล ๑๐ ของสามเณร ศีล ๕ และ ศีล ๘ ของอุบาสกอุบาสิกา
ทั้งหมดนี้ อาศัยพระไตรปิฎก เป็นแหล่งรวบรวมไว้ และเป็นมาตรฐานทั้งสิ้น
พระไตรปิฎกนี้เป็นมาตรฐาน เป็นเกณฑ์ตัดสินความเชื่อ และการประพฤติปฏิบัติที่เป็นมา
เป็นแหล่งรักษาหลักการของศาสนานั้นๆ ถ้าคำสอน หรือหลักการที่แท้ของศาสดา
ที่รักษาไว้ในพระไตรปิฎก หรือในคัมภีร์นั้นสิ้นหมดไป ก็ถือว่าศาสนานั้นสูญสิ้น
ดังนั้นศาสนาทั้งหลายจึงถือการรักษาคัมภีร์ศาสนาของตนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
พระพุทธศาสนาก็ถือว่าการรักษาคัมภีร์พระไตรปิฎกเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
พระไตรปิฎก สำคัญต่อพระพุทธศาสนา ยิ่งกว่า ที่รัฐธรรมนูญ
สำคัญต่อประเทศชาติ คงไม่มีใครพูดว่า รัฐธรรมนูญ เป็นเพียงตำราเล่มหนึ่ง
หรือว่า เมื่อขึ้นศาล มีการยกรัฐธรรมนูญ มาตรานั้น มาตรานี้ ขึ้นมากล่าว
แม้แต่ยุคกฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง มาตรานั้น มาตรานี้ขึ้นมาอ้าง
คงไม่มีใครพูดว่า กฎหมายมาตรานั้นนี้ รัฐธรรมนูญมาตรานั้นนี้ เป็นเพียงความคิดเห็น
พระไตรปิฎกสำคัญยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญเพราะรัฐธรรมนูญสามารถเปลี่ยนแปลง
ไปตามมติของประชาชน ที่ผ่านทางองค์กรนิติบัญญัติ ตามยุคตามสมัย
แต่พระไตรปิฎกมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะเป็นคำสอนขององค์พระศาสดา
และพระศาสดาก็ปรินิพพานแล้ว ถ้าพระไตรปิฎกสูญหาย
คำสอนของพระพุทธเจ้าก็สูญสิ้น พระไตรปิฎกบาลีที่คนไทยนับถือ
คือฉบับเดิมแท้ เก่าแก่ และสมบูรณ์ที่สุด พระไตรปิฎกภาษาบาลี
ของเถระวาทนี้เป็นที่ยอมรับกันว่า เป็นคำสอนดั้งเดิมแท้ ของพระพุทธเจ้า
เก่าแก่ที่สุด เท่าที่จะสืบหาได้ และรักษากันมาอย่างเคร่งครัดทั้งแม่นยำที่สุด
และครบถ้วนที่สุด
แต่น่าเสียดายว่า พวกเราน้อยคนนัก จะได้อ่านเรื่องของพระพุทธเจ้าจากพระไตรปิฎก
เราแทบทุกคน ได้ยินเรื่องพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมใน พระไตรปิฎกจากพระสงฆ์
ครูอาจารย์ ที่ฟังต่อๆ กันมา กว่าจะถึงเรา บางทีเรื่องราวก็เพี้ยนไปไกล บางทีก็เข้าใจผิดไปเลย
สิ่งที่ควรทำที่แท้คือ หันมาศึกษาพระพุทธศาสนาที่แท้
จากแหล่งคำสอนที่อยู่ใกล้ตัวอยู่แล้วนี้ กันเสียที
ว่าธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
การสังคายนาคืออะไร และดำเนินการอย่างไร
พระไตรปิฎก มีการรักษาสืบทอดมาถึงเราได้อย่างไร
หลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา มีความชัดเจนแน่นอน
และไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องของความคิดเห็นหรือคาดเดา
แต่เป็นเรื่องของหลักธรรม ที่ชาวพุทธถือกันว่า
มาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง คือมาในพระไตรปิฎก
และมีคัมภีร์อรรถกถาอธิบายประกอบ ซึ่งชาวพุทธทุกยุคทุกสมัยถือว่า เป็นเนื้อ เป็นตัว
ของพระพุทธศาสนา เป็นหลักสำคัญที่สุดแล้วได้เพียรพยามอย่างยิ่ง
ที่จะรักษาไว้ให้แม่นยำด้วยการทรงจำ ศึกษาเล่าเรียน และมีการสังคายนา เป็นงานใหญ่
หลายยุคหลายสมัยตลอดมา พระพุทธเจ้าเอง ทรงแบ่งไว้เป็น 2 ส่วน
เรียกว่า ธรรม ส่วนหนึ่ง และ วินัย ส่วนหนึ่ง
ธรรม คือหลักคำสอน ว่าด้วยความจริงของสิ่งทั้งหลาย พร้อมทั้งข้อประพฤติปฏิบัติ
ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำ ตรัสแสดงไว้ โดยสอดคล้องกับความเป็นจริงนี้ ส่วน วินัย
คือประมวลพุทธบัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการเป็นอยู่ของ ภิกษุ ภิกษุณี ด้วยเหตุนี้
จึงเรียกพระพุทธศาสนา ด้วยคำสั้นๆว่า ธรรมวินัย การสังคายนาคำสอนของพระพุทธเจ้า
จึงเป็นการสังคายนาพระธรรมวินัยการสังคายนาหรือ สังคีติ ครั้งที่ ๑ นี้
ย่อมเป็นการสังคายนาครั้งสำคัญที่สุด พระพุทธพจน์ที่รวบรวม ประมวลมาทรงจำเป็นแบบแผน
หรือมาตรฐานไว้ครั้งนี้ มีเท่าใดก็คือได้เท่านั้น ต่อจากนั้นก็มีแต่จะต้องทรงจำ
รักษาพุทธพจน์ที่รวบรวมได้ ในสังคายนา ครั้งที่ ๑ นี้ไว้ให้ถูกต้องแม่นยำ บริสุทธิ์หมดจด
และครบถ้วนที่สุด
ช่วงต้นหรือยุคแรก นำแต่พุทธกาล ตลอดมาจน ๔๖๐ ปี พระเถระผู้รักษาพระศาสนา
ทรงจำพุทธพจน์กันมาด้วยปากเปล่า เรียกว่า มุขปาฐะ แปลง่ายๆ
เรียกว่า ปากบอก คือ เรียน - ท่อง - บอกต่อ ด้วยปากเปล่า ซึ่งเป็นการรักษาไว้กับตัวคน
|